การ จัดการ ขนส่ง

•เป็นการเคลื่อนย้ายสินค้าและบริการจากแหล่งผู้ผลิตหรือ ผู้จัดเก็บ ไปยังลูกค้าในระดับต่างๆ •เพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ในด้านสถานที่ (Place Value Added) •พิจารณาการขนส่งระหว่างที่ตั้งทรัพยากร (facility) เช่น โรงงาน คลังสินค้า ผู้บริโภค เป็นต้น โครงสร้างของระบบขนส่ง แบ่งตามกิจกรรมการผลิต 1. การขนส่งขาเข้า (Inbound Transportation) -เป็นการขนส่งสินค้า (วัตถุดิบ ส่วนประกอบ สินค้าสำเร็จรูป เป็นต้น) จากfacility อื่นๆ เข้ามายัง facility 2. การขนส่งขาออก (Outbound Transportation) -เป็นการขนส่งสินค้าออกจาก facility หนึ่ง ไปยัง facility อื่นๆ 3. การขนส่งระหว่างประเทศ (International Transportation) -เป็นการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ -ระยะทางไกล อาศัยผู้ให้บริการในระดับสากล เช่น เรือเดินสมุทร เครื่องบิน เป็นต้น แบ่งตามด้านกายภาพ 1. การขนส่งทางรถยนต์ (Motor Transportation) 2. การขนส่งทางราง (Rail Transportation) 3. การขนส่งทางน้ำ (Water Transportation) 4. การขนส่งทางอากาศ (Air Transportation) 5. การขนส่งทางท่อ (Pipeline Transportation) 6. การขนส่งร่วม (Intermodal Transportation) ต้นทุนการขนส่ง 1. ต้นทุนคงที่ (Fixed Cost) -เป็นค่าใช้จ่ายคงที่ ไม่ขึ้นอยู่กับระยะทาง ปริมาณหรือขนาดของสินค้าที่ขนส่ง -ค่าเช่า ค่าเสื่อมราคา เงินเดือน เป็นต้น 2.

ทาง บก

063-846-6405 Line: chosenthebest E-mail: [email protected] / สถานที่อบรม (VENUE) บรรยายออนไลน์ Zoom วันและเวลาอบรม (DATE AND TIME) 5 มีนาคม 2565 09. 00-16. 00 จัดโดย โชเซ่น เดอะ เบสท์ เบอร์ติดต่อ: 0638466405 ค่าธรรมเนียม (FEE) 2500/ท่าน สมัคร4 จ่าย3 (ไม่รวม ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%) ผู้เข้าชม: 922 ครั้ง

  • การ จัดการ ขนส่ง best
  • Converse ส้น ตึก
  • ล้อ แม็ ก ราชบุรี
การ จัดการ ขนส่ง dhl

การขนส่งทางรถไฟ การขนส่งเส้นทางตายตัวดังนั้นจึงต้องมีปริมาณการใช้ที่สูงจึงจะเกิดความคุ้มค่าในการสร้างเส้นทางหนึ่งๆขึ้นมาเหมาะสำหรับการขนส่งสินค้าปริมาณมากและในระยะทางไกล ข้อดีการขนส่งทางรถไฟ 1. ต้นทุนค่อนข้างต่ำ สามารถขนส่งได้ทีละมากๆ 2. ขนส่งได้ทุกสภาพดินฟ้าอากาศ 3. สะดวก เพราะมีตู้หลายชนิดให้เลือกเพื่อความเหมาะสมกับสินค้าและมีความปลอดภัยสูง ข้อเสียการขนส่งทางรถไฟ 1. ใช้ระยะเวลานานต้องมีการขนถ่ายซ้ำ เพราะต้องมีการขนส่งจากสถานีรถไฟไปยังจุดปลายทาง 2. ต้นทุนบรรจุภัณฑ์สูงเพราะว่าระวางสินค้าจำเป็นต้องทนแรงกระแทกสูง 3. ความยืดหยุ่นมีน้อย เพราะมีเส้นทางตายตัว

J&t

สราวุธในครั้งคือคือการพัฒนาแนวคิดการแก้ไขปัญหาที่มีอยู่ในปัจจุบันในการขนส่งสินค้าผ่านย่านเศรษฐกิจภาคตะวันออก และระบุถึงปัญหาที่สำคัญที่เป็นคอขวดในการเพิ่มศักยภาพในด้านโลจิสติกส์ และสุดท้ายเป็นการวางแผนเพื่อการใช้เงินลงทุนด้านโลจิสติกส์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ในงานวิจัยนี้ได้ใช้ความรู้ด้านการสร้างเครือข่ายนำ มาสร้างเป็นเส้นทางการขนส่งที่ผ่านมาของย่านเศรษฐกิจภาคตะวันออกเพื่อระบุบถึงขีดความสามารถในการรองรับการขนส่ง และหาจุดที่เป็นคอขวดของเส้นทางที่ทำให้ความรวดเร็วในการขนส่งในเส้นทางนี้ลดลง ด้วยการคำนวณเส้นทางและเวลาในการขนส่ง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. สราวุธ จันทร์สุวรรณ สามารถระบุจุดถึงเส้นทางที่เป็นปัญหาที่ควรได้รับการพัฒนาอย่างเร่งด่วนได้หลายเส้นทางโดยเฉพาะเส้นทางไฮเวย์หลักที่มุ่งสู่ภาคตะวันวันออกในทางกลับกันเส้นทางขนส่งทางด้านรถไฟกลับไม่ได้ใช้อย่างเต็มประสิทธิภาพ จากการวิเคราะห์เครือข่ายการขนส่งในย่านเศรษฐกิจภาคตะวันออก ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.

รหัสหลักสูตร: 42159 จำนวนคนดู 1548 ครั้ง กดเพื่อแจ้งสัมมนาไม่เหมาะสม ลงชื่อเพื่อจองสัมมนาในรอบถัดไป (ถ้ามีจัด ท่านจะได้สิทธิ์ก่อน) สามารถติดต่อได้ที่ โทร. 094-489-6364 / 097-474-6644 อีเมล์ ไลน์ไอดี @seminardd เนื้อหาการอบรม 1. ความหมายและข้อแตกต่างของ Transportation, Logistics และ Supply Chain Management 2. หลักการบริหารการขนส่ง Transportation Management 3. รูปแบบของการขนส่ง Transportation Modes 4. การวางแผนการขนส่งล่วงหน้า 5. ขั้นตอนการปฏิบัติงานขนส่ง 6. ปัจจัยที่มีผลต่อต้นทุนการขนส่งสินค้า Transportation Costs 7. กลยุทธ์ในการลดต้นทุนการขนส่ง 8. กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ ด้านขนส่ง 9. ดัชนีชี้วัดคุณภาพระดับการให้บริการ KPI – Key Performance Indicator 10. ศูนย์กลางกระจายสินค้าและคลังสินค้า 11. การบริหารการขนส่งสินค้าเพื่อสิ่งแวดล้อม 12. การมีจิตใจในการให้บริการที่ดี Service Mind 13. อุปนิสัยสร้างสรรค์งานบริการให้เป็นเลิศ 14. Case Study ต้องการลงชื่อ waiting list กดได้ที่นี่เลยค่ะ (ถ้ามีจัด ท่านจะได้สิทธิ์ก่อน) ไลน์ไอดี @seminardd

ตัดสินใจกำหนดเส้นทางและตารางการจัดส่ง (Routing and Scheduling)

ต้นทุนแปรผัน (Variable Cost) -เป็นค่าใช้จ่ายที่ขึ้นอยู่กับระยะทางหรือปริมาณของสินค้าที่ขนส่ง -ค่าแรงงาน ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ค่าขนส่ง เป็นต้น ปัจจัยด้านต้นทุนการขนส่ง การเพิ่มหรือลดของต้นทุนการขนส่ง มาจากปัจจัย 2 ปัจจัย 1. ปัจจัยด้านผลิตภัณฑ์ (Product Related Factors) เป็นปัจจัยของลักษณะของสินค้าที่มีผลต่อต้นทุนการขนส่ง •คุณลักษณะทางกายภาพ •คุณลักษณะด้านการจัดเก็บ (Stow Ability) •ความยากง่ายในการขนถ่าย (Ease/Difficulty pf Handling) •ความรับผิดชอบหรือการรับประกันของเสียหาย (Liability) 2. ปัจจัยด้านตลาด (Market Related Factors) เป็นปัจจัยที่เกี่ยวกับสภาพแวดล้อมที่ทำการขนส่ง •ที่ตั้งของตลาด •การเชื่อมโยงระหว่างช่องทางการขนส่งต่างๆ •ความสมดุลระหว่างสินค้าขาไปและขากลับ •การขนส่งในประเทศและต่างประเทศ การจัดการการขนส่ง เป็นการวางนโยบายเชิงกลยุทธ์ของระดับผู้บริหารจนถึงระดับผู้ปฎิบัติ 1. การวิเคราะห์การไหลของสินค้าในเชิงเครือข่าย (Network of Flow Analysis) 2. การวิเคราะห์รายเส้นทาง (Lanes Analysis) 3. การศึกษารูปแบบการขนส่งปัจจุบัน (Current Transportation Study) 4. ตัดสินใจเลือกช่องทางและพาหนะสำหรับการขนส่ง (Mode Selection) 5.

การจัดการโลจิสติกส์ส่งผลอย่างไรในภาพรวมของเศรษฐกิจไทย - NIDA-GSAS

เพื่อสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานด้านขนส่งให้มากขึ้น 2. สามารถเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันขององค์กรในด้านการขนส่งให้มากขึ้น 3. เพิ่มทักษะ ความรู้ ความสามารถ และนำกลยุทธ์การพัฒนาประสิทธิภาพด้านขนส่งมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้อย่างต่อเนื่อง 4. เพื่อสามารถแก้ไขปัญหาด้านการขนส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ 5. รู้วิธีการวางแผนและวิเคราะห์เส้นทางการรับและส่งสินค้าได้อย่างเหมาะสม 6.

ความคิดเห็นที่ 27 ขอบคุณทุกคห. ครับ ตามสบายครับเจ้าบ้าน เอาไปไว้ที่ไหนก็ได้ "เจอรุ่น "สามบั้ง ฟิลเตอร์ " หงายครับท่าน " ผมซิครับจะหงายก่อน ขำกลิ้ง เล่นเอาความงามของ เซเรน่าไปเทียบกับมาเรียได้

ลดต้นทุนรวมของการขนส่ง กล่าวคือการที่ Supplier แต่ละรายจัดส่งวัตถุดิบมาให้โรงงานทำให้ Supplier แต่ละรายต้องจัดหารถขนส่ง และการนำส่งอาจจะมาโดยไม่ตรงต่อเวลา ทำให้ผู้ผลิตต้องแบกรับต้นทุนค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้นในราคาซื้อวัตถุดิบจาก Supplier 2. ลดต้นทุนในการจัดเก็บ (Stock) ของผู้ผลิตและ Supplier โดยเน้นให้ผลิตออกมาทันเวลาพอดี ขนส่งทันเวลาพอดี และส่งมอบให้ลูกค้าแบบทันเวลาพอดี ทำให้ไม่จำเป็นต้องเก็บวัตถุดิบหรือสินค้าสำเร็จ แต่จะทำแบบนี้ได้ต้องมีการประเมินความต้องการของลูกค้าให้แม่นยำและสั่งผลิตให้แม่นยำและรอบคอบจึงจะได้ผลลัพธ์ที่ดี 3. สามารถกำหนดตารางการผลิตได้แน่นอนมากยิ่งขึ้น เนื่องจากผู้ผลิตเป็นผู้ดำเนินการส่งรถออกไปรับสินค้าจาก Supplier เอง ทำให้กำหนดและควบคุมเวลาการดำเนินการได้เป็นอย่างดี 4. ลดปัญหาการจราจรหน้าโรงงาน เพราะหากให้ Supplier แต่ละรายมาส่งด้วยตัวเอง การจัดการจราจรหน้าโรงงานจะยากลำบาก และการตรวจรับสินค้าก็ยิ่งล่าช้า แต่ระบบมิลค์รันต้องตรวจเช็คสินค้าก่อนรับขึ้นรถอยู่แล้วทำให้สามารถถ่ายสินค้าเข้าโรงงานผลิตได้ทันที่ที่รถมาถึง 5.

May 20, 2022
nvr-vstarcam-ราคา